หุบเขา หลุนเจิ้น
ตั้งตระหง่านเสียดฟ้า ธารน้ำตกจาก หุบเหว
ไส้ขาด ยังหลั่งล้นประดุจ น้ำนมมารดาแห่งสวรรค์
หมอกยามใกล้อรุณโรยปกคลุมสิงขร
กิ่งสนสะบัดร่า สลัดหยดน้ำค้างให้พร่างพรมพฤกษาเบื้องล่างให้แช่มชื้น
วิหกทะยานฟ้า บินโบย ประดุจดรุณีในชุดขาว
ร่ายรำในนภาศ
ทัศนียภาพยามย่ำรุ่ง ช่างเหมือนภาพจากปลายพู่กันอันบรรจงวิจิตร
ทัศนียภาพยามย่ำรุ่ง ช่างเหมือนภาพจากปลายพู่กันอันบรรจงวิจิตร
ในลำน้ำที่ทอทอดผ่านขุนคีรี ปรากฏไอกรุ่น
ของละอองน้ำ ลอยอยู่เหนือนที
ระลอกน้ำลูกแล้วลูกเล่า ระบำเป็นริ้วสาย
ควันหมอกแห่งอรุณรุ่ง
ระคนกับไอพุ่งพวยจากแม่น้ำที่ไหลเอื่อย
เสมือนม่านแห่งสรวงสวรรค์ ที่ฉาบทาทั่วสารทิศ
ท่ามกลางบรรยากาศงดงาม และสงบเงียบ นาวาลำเล็กล่องผ่านสายน้ำอย่างเงียบเชียบ
มีบุรุษหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีดำสวมหมวกฟางปกคลุมใบหน้า
บุคลิกเยือกเย็น ยิ่งยวดกว่าสายน้ำเบื้องล่าง มิผิดกับภูตพราย ในสายหมอก
มีบุรุษหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีดำสวมหมวกฟางปกคลุมใบหน้า
บุคลิกเยือกเย็น ยิ่งยวดกว่าสายน้ำเบื้องล่าง มิผิดกับภูตพราย ในสายหมอก
บุในกาลแห่งอาทิตย์ใกล้อุเทนบุรุษนั้นยืนจับไม้พายเรือแน่น นิ่งงัน
ปล่อยให้หัวเรือแล่นผ่านน่านน้ำไปตามแรง นานๆ ครั้งถึงจะมีไอ
จากลมหายใจพวยพุ่งจากปากและจมูกด้วยอากาศที่เย็นเยือก
ปล่อยให้หัวเรือแล่นผ่านน่านน้ำไปตามแรง นานๆ ครั้งถึงจะมีไอ
จากลมหายใจพวยพุ่งจากปากและจมูกด้วยอากาศที่เย็นเยือก
บุรุษนิรนาม แท้จริงแล้ว คือ มังกรเดียวดาย
เจ้าของ เพลงกระบี่ 5 เวิ้งว้าง
ที่โด่งดังไปทั่วยุทธภพ ด้วยนิสัยสันโดษ
จึงแสวงหาความสงบแห่งธรรมชาติ
หลีกเว้นจากความวุ่นวายในยุทธจักร
เพลานี้ ด้นด้นมาถึงหุบเขาหลุนเจิ้น
เพียงชั่วอึดใจบุรุษผู้เยือกเย็น
ก็หันหัวเรือเข้าฝั่ง
บนฝั่งนั้นมีผู้ลึกลับนั่งตกปลาอยู่ ท่าทางลึกลับเหลือคณามาตรแม้นว่า
ไม่เป็นชาวประมงเยี่ยงสามัญชน
คงเป็นจอมยุทธผู้เจนจบ เพราะท่าทีที่นั่งก้มหน้าตกปลาดูลึกลับมีเลศนัย
เพียงแค่ มังกรเดียวดาย ก้าวเท้าลงเหยียบพื้นดิน พลันเสียงทุ้มลึก จากชาวประมงลึกลับ
ก็ดังขึ้นประจวบเหมาะ
“ วิหกยังร่อนเป็นฝูงโบยบิน
มังกรใยผกผินไร้หงส์คู่ "
บุรุษฉายา มังกรเดียวดาย ชงักผ่าเท้า เหลือแลไปยัง ชาวประมงนิรนาม
พลางตอบ
“ ฟ้าเวิ้งว้าง
ดินไร้ไมตรี ปณิธานยากบรรลุ รักยากคลาย สะพายกระบี่เดียวดาย กายโดดเดี่ยว
ชีวิตหนึ่งเดียว ไร้ซึ่งใยดี..
ไม่ทราบว่าสหายท่าน มีนามกรเช่นไร”
“ ฮ่า ๆๆ...คิดมิถึง
นอกจากวรยุทธเยี่ยมแล้ว ปณิธาน มังกรเดียวดาย
ช่างสูงส่ง “
ชาวประมงลุกขึ้นยืนหันหน้ามาทางคู่เจรจาพลาง ประสานมือคำนับ
“
ปณิธานของข้าคือ คือกระบี่ “
ชาวประมงเลิกเสื้อคลุมทิ้ง เผยให้เห็นกระบี่ยาวร่วม 8 แปดเซี๊ยะ
ด้วยท่าทางที่ว่องไวเกินกว่า จะเป็นสามัญชน
“ รับมือ ! “
เสียงตวาดก้องขุนเขา พลันจอมยุทธลึกลับก็ พลิกกระบี่ รัศมีวูบวาบเข้าจูโจม
มังกรเดียวดาย
หากเป็นผู้เพิ่งท่องยุทธภพมามินาน คงประหวั่นพรั่นพรึงไม่น้อย
แต่กับจอมยุทธผู้เจนจบในวงการมานานนับ 10 ปี
กลับไม่รุ้สึกสะทกสะท้าน
เพียงแค่เกร็งลมปราณ เบี่ยงกายหลบ
ถีบผ่าเท้าด้วยวิชาตัวเบากระบวนท่า “ มังกรร่อนลม” จอมยุทธชื่อก้อง ก็ลอยตัวออกห่างรัศมีกระบี่ของคู่ต่อสู้ไปหลายวา
ถีบผ่าเท้าด้วยวิชาตัวเบากระบวนท่า “ มังกรร่อนลม” จอมยุทธชื่อก้อง ก็ลอยตัวออกห่างรัศมีกระบี่ของคู่ต่อสู้ไปหลายวา
ไม่ทันที่จอมยุทธชื่อก้องจะ
โครจรลมปราณเพื่อปรับกระบวนท่า ผู้จูโจมก็พลิกกระบี่ ด้วยท่วงท่าอันเหี้ยมเกรียม
เข้าปะทะหมายมั่น
เผด็จศึกในกระบวนเดียว จอมยุทธผู้เย็นเยือก
สะบัดกระบี่ป้องปราม เข้าปัดป้อง เสียงศาสตรา
กระทบกันดั่งฟ้าคำรณมิอาจจำแนก เวลาชั่วลัดนิ้ว มังกรเดียวดาย ทะยานกายขึ้น 5 เซี๊ยะ
ม้วนตัวฟาดกระบี่ด้วยกระบวนท่าโจมตีด้านบน พุ่งพลังที่ปลายกระบี่ ทำลายกระบวนท่าของฝ่ายตรงข้าม
ทำเอาชาวประมงลึกลับ กระเด็นดอนถอยหลังโครจรปรับลมปราณแทบไม่ทัน สุมทุมพุ่มไม้ที่อยู่ใกล้ ใบปลิดปลิว
เพราะอาณุภาพ กระบวนยุทธ “ มังกรทะยาน”
ม้วนตัวฟาดกระบี่ด้วยกระบวนท่าโจมตีด้านบน พุ่งพลังที่ปลายกระบี่ ทำลายกระบวนท่าของฝ่ายตรงข้าม
ทำเอาชาวประมงลึกลับ กระเด็นดอนถอยหลังโครจรปรับลมปราณแทบไม่ทัน สุมทุมพุ่มไม้ที่อยู่ใกล้ ใบปลิดปลิว
เพราะอาณุภาพ กระบวนยุทธ “ มังกรทะยาน”
“ คาดไม่ถึง วรยุทธกระบวนนี้จะลึกล้ำนัก “
ชายชาวประมง ทิ้งกระบี่ลง รีบเอามือ หอบกางเกง เพราะกลัวจะหลุดกองกับพื้น
ด้วยท่าฟาดกระบี่เมื่อกี้
มิได้มุ่งหมายจุดสำคัญในร่างกาย
หากแต่เป็น หูรูดกางเกงอาภรณ์ของคู่ต่อสู้
“ ไม่ทราบว่า
สหายจะยอมเอ่ยนามให้ข้าทราบได้หรือไม่ “
มังกรเดียวดายลดกระบี่ เจรจา
เมื่อเห็นคู่ต่อสู่หมดท่า ห่วงแต่กางเกง
ชาวประมงยิ้มร่า หน้าซีดเป็นไก่ไหว้เจ้า
“ ข้ามีนามว่า เสี่ยวเล่ออาภรณ์แดง ข้ามาตามทวงหนี้ ตามคำสั่งของสำนักใหญ่ “
“ ฮืมม..หนี้อะไร ถึงได้ตามทวงนัก แม้ยามข้ามาปลีกวิเวก “
จอมยุทธใหญ่ชักกระบี่เข้าฝักช้าๆ เพื่อฟังคำตอบ
“ หนี้ ธ.ก.ส. ! "
“ !....!..!..!!!! “