วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

กระบี่ 5 เวิ้ง (ตอนที่1)

                                                      (เครดิตภาพ pantip.com )

หุบเขา หลุนเจิ้น ตั้งตระหง่านเสียดฟ้า  ธารน้ำตกจาก หุบเหว ไส้ขาด ยังหลั่งล้นประดุจ น้ำนมมารดาแห่งสวรรค์
หมอกยามใกล้อรุณโรยปกคลุมสิงขร กิ่งสนสะบัดร่า สลัดหยดน้ำค้างให้พร่างพรมพฤกษาเบื้องล่างให้แช่มชื้น
วิหกทะยานฟ้า บินโบย ประดุจดรุณีในชุดขาว ร่ายรำในนภาศ 
ทัศนียภาพยามย่ำรุ่ง ช่างเหมือนภาพจากปลายพู่กันอันบรรจงวิจิตร
ในลำน้ำที่ทอทอดผ่านขุนคีรี ปรากฏไอกรุ่น ของละอองน้ำ ลอยอยู่เหนือนที  ระลอกน้ำลูกแล้วลูกเล่า ระบำเป็นริ้วสาย
ควันหมอกแห่งอรุณรุ่ง ระคนกับไอพุ่งพวยจากแม่น้ำที่ไหลเอื่อย  เสมือนม่านแห่งสรวงสวรรค์ ที่ฉาบทาทั่วสารทิศ

ท่ามกลางบรรยากาศงดงาม และสงบเงียบ  นาวาลำเล็กล่องผ่านสายน้ำอย่างเงียบเชียบ 
มีบุรุษหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีดำสวมหมวกฟางปกคลุมใบหน้า
บุคลิกเยือกเย็น ยิ่งยวดกว่าสายน้ำเบื้องล่าง  มิผิดกับภูตพราย ในสายหมอก

บุในกาลแห่งอาทิตย์ใกล้อุเทนบุรุษนั้นยืนจับไม้พายเรือแน่น นิ่งงัน
ปล่อยให้หัวเรือแล่นผ่านน่านน้ำไปตามแรง นานๆ ครั้งถึงจะมีไอ
จากลมหายใจพวยพุ่งจากปากและจมูกด้วยอากาที่เย็นเยือก
บุรุษนิรนาม แท้จริงแล้ว คือ  มังกรเดียวดาย  เจ้าของ เพลงกระบี่  5 เวิ้งว้าง  ที่โด่งดังไปทั่วยุทธภพ  ด้วยนิสัยสันโดษ
จึงแสวงหาความสงบแห่งธรรมชาติ หลีกเว้นจากความวุ่นวายในยุทธจักร   เพลานี้ ด้นด้นมาถึงหุบเขาหลุนเจิ้น
เพียงชั่วอึดใจบุรุษผู้เยือกเย็น ก็หันหัวเรือเข้าฝั่ง
  บนฝั่งนั้นมีผู้ลึกลับนั่งตกปลาอยู่ ท่าทางลึกลับเหลือคณามาตรแม้นว่า ไม่เป็นชาวประมงเยี่ยงสามัญชน
คงเป็นจอมยุทธผู้เจนจบ เพราะท่าทีที่นั่งก้มหน้าตกปลาดูลึกลับมีเลศนัย 
เพียงแค่ มังกรเดียวดาย ก้าวเท้าลงเหยียบพื้นดิน  พลันเสียงทุ้มลึก จากชาวประมงลึกลับ ก็ดังขึ้นประจวบเหมาะ
“ วิหกยังร่อนเป็นฝูงโบยบิน  มังกรใยผกผินไร้หงส์คู่ "
บุรุษฉายา มังกรเดียวดาย ชงักผ่าเท้า เหลือแลไปยัง ชาวประมงนิรนาม พลางตอบ
  ฟ้าเวิ้งว้าง ดินไร้ไมตรี ปณิธานยากบรรลุ รักยากคลาย สะพายกระบี่เดียวดาย กายโดดเดี่ยว

ชีวิตหนึ่งเดียว ไร้ซึ่งใยดี.. ไม่ทราบว่าสหายท่าน มีนามกรเช่นไร”
“ ฮ่า ๆๆ...คิดมิถึง  นอกจากวรยุทธเยี่ยมแล้ว  ปณิธาน มังกรเดียวดาย ช่างสูงส่ง “
ชาวประมงลุกขึ้นยืนหันหน้ามาทางคู่เจรจาพลาง ประสานมือคำนับ
 “ ปณิธานของข้าคือ คือกระบี่ “ 

ชาวประมงเลิกเสื้อคลุมทิ้ง เผยให้เห็นกระบี่ยาวร่วม 8 แปดเซี๊ยะ ด้วยท่าทางที่ว่องไวเกินกว่า จะเป็นสามัญชน
“ รับมือ !
เสียงตวาดก้องขุนเขา พลันจอมยุทธลึกลับก็ พลิกกระบี่ รัศมีวูบวาบเข้าจูโจม มังกรเดียวดาย
หากเป็นผู้เพิ่งท่องยุทธภพมามินาน คงประหวั่นพรั่นพรึงไม่น้อย แต่กับจอมยุทธผู้เจนจบในวงการมานานนับ 10 ปี
กลับไม่รุ้สึกสะทกสะท้าน  เพียงแค่เกร็งลมปราณ เบี่ยงกายหลบ
ถีบผ่าเท้าด้วยวิชาตัวเบากระบวนท่า “ มังกรร่อนลม” จอมยุทธชื่อก้อง ก็ลอยตัวออกห่างรัศมีกระบี่ของคู่ต่อสู้ไปหลายวา

ไม่ทันที่จอมยุทธชื่อก้องจะ โครจรลมปราณเพื่อปรับกระบวนท่า ผู้จูโจมก็พลิกกระบี่ ด้วยท่วงท่าอันเหี้ยมเกรียม
เข้าปะทะหมายมั่น เผด็จศึกในกระบวนเดียว  จอมยุทธผู้เย็นเยือก สะบัดกระบี่ป้องปราม เข้าปัดป้อง เสียงศาสตรา
กระทบกันดั่งฟ้าคำรณมิอาจจำแนก  เวลาชั่วลัดนิ้ว มังกรเดียวดาย ทะยานกายขึ้น 5 เซี๊ยะ
ม้วนตัวฟาดกระบี่ด้วยกระบวนท่าโจมตีด้านบน พุ่งพลังที่ปลายกระบี่ ทำลายกระบวนท่าของฝ่ายตรงข้าม 
ทำเอาชาวประมงลึกลับ กระเด็นดอนถอยหลังโครจรปรับลมปราณแทบไม่ทัน สุมทุมพุ่มไม้ที่อยู่ใกล้ ใบปลิดปลิว
เพราะอาณุภาพ กระบวนยุทธ “ มังกรทะยาน”
“ คาดไม่ถึง วรยุทธกระบวนนี้จะลึกล้ำนัก “
ชายชาวประมง ทิ้งกระบี่ลง  รีบเอามือ หอบกางเกง เพราะกลัวจะหลุดกองกับพื้น ด้วยท่าฟาดกระบี่เมื่อกี้
มิได้มุ่งหมายจุดสำคัญในร่างกาย หากแต่เป็น หูรูดกางเกงอาภรณ์ของคู่ต่อสู้
“ ไม่ทราบว่า สหายจะยอมเอ่ยนามให้ข้าทราบได้หรือไม่ “
มังกรเดียวดายลดกระบี่ เจรจา เมื่อเห็นคู่ต่อสู่หมดท่า ห่วงแต่กางเกง   ชาวประมงยิ้มร่า หน้าซีดเป็นไก่ไหว้เจ้า
“ ข้ามีนามว่า เสี่ยวเล่ออาภรณ์แดง   ข้ามาตามทวงหนี้ ตามคำสั่งของสำนักใหญ่ “
“ ฮืมม..หนี้อะไร  ถึงได้ตามทวงนัก แม้ยามข้ามาปลีกวิเวก “
 จอมยุทธใหญ่ชักกระบี่เข้าฝักช้าๆ  เพื่อฟังคำตอบ
“ หนี้ ธ.ก.ส. ! "
!....!..!..!!!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น